“จับเครือข่ายคืนคุณแผ่นดิน เปิดบริษัทตุ๋นลงทุนพันล้าน” กองปราบสนธิกำลังบุกจู่โจมล่าเครือข่าย “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน เปิดบริษัทตุ๋นนักลงทุนเสียหายนับพันล้าน

“จับเครือข่ายคืนคุณแผ่นดิน เปิดบริษัทตุ๋นลงทุนพันล้าน” กองปราบสนธิกำลังบุกจู่โจมล่าเครือข่าย “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน เปิดบริษัทตุ๋นนักลงทุนเสียหายนับพันล้าน


กองปราบสนธิกำลังบุกจู่โจมล่าเครือข่าย “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน เปิดบริษัทตุ๋นนักลงทุนเสียหายนับพันล้าน
เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2564 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส ผกก.4 บก.ปอศ.ร่วมกันแถลงผลการสนธิกำลังเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล เพื่อจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายบริษัทชื่อดังหลอกลวงนักลงทุนกว่าพันล้านบาท
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ปฏิบัติดังกล่าวสามารถจับกุมผู้กระทำผิด 4 ราย คือ พ.ท.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข ประธานโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” น.ส.ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม อายุ 33 ปี น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ อายุ 37 ปี และ นายกิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ อายุ 40 ปี ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ร่วมกันตั้งบริษัทขึ้นมาหลายแห่งในลักษณะเครือข่ายใหญ่ ก่อนหลอกชักชวนให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นนักลงทุนนำเงินมาร่วมลงทุนในหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง โดยช่วงแรกจะทำทีจ่ายเงินค่าตอบแทนจริง เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายตายใจนำเงินมาลงทุนเพิ่ม จากนั้นจะเริ่มบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงินค่าตอบแทนหรือคืนเงินลงทุนให้กับผู้เสียหายตามที่ตกลงกันไว้ ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ผบก.ป.กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อนับพันรายมีมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท ซึ่งมีการรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่ บก.ปอศ. ทั้งนี้ด้วยความที่มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากรวมถึงมูลความเสียหายที่ค่อนข้างสูง ทาง บช.ก. จึงสั่งให้ดำเนินการในรูปแบบของคณะทำงาน ประกอบด้วย บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปอท. เพื่อเร่งติดตามจับกุม จนมีการออกหมายจับจำนวน 6 คน พร้อมกับเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พร้อมกับตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆอีกจำนวนมาก แต่ยังคงเหลือผู้ต้องหาอีกเพียง 2 รายที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี
“อยากฝากถึงผู้ต้องหาที่เหลือว่าหากมั่นใจว่าไม่ผิดก็ขอให้เข้ามามอบตัว และยินดีให้ความเป็นกับทุกฝ่าย ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพของนักการเมืองระดับประเทศไปร่วมงานเปิดตัวบริษัทในเครือของกลุ่มผู้ต้องหา จะต้องถูกเชิญตัวมาสอบสวนหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ยังไม่สามารถบอกได้เนื่องจากต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าจะมีความเกี่ยวข้องหรือไม่” ผบก.ป. กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.นิตติโชติ กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมการหลอกลวงของกลุ่มผู้ต้องหามี 5 รูปแบบ ประกอบด้วย
1.เปิดบริษัทท่องเที่ยว ชักชวนผู้เสียหายซื้อแพ็กเกจทัวร์ แต่ไม่มีการจัดท่องเที่ยวจริง 2.ชวนนำเงินมาร่วมลงทุนในรูปแบบสหกรณ์ อ้างให้ปันผลสูง แต่สุดท้ายก็ไม่มีปันผล 3.ชักชวนลงทุนซื้อ ขายสินค้าแบรนด์เนมออนไลน์จากทางบริษัทในเครือผู้ต้องหาแล้วปล่อยเช่า ซึ่งทางกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าจะเป็นผู้ควบคุมบริหารจัดการค่าตอบแทนให้ทั้งหมดโดยที่ผู้เสียหายไม่เคยพบเห็นหรือจับต้องตัวสินค้าจริงๆแต่อย่างใด 4.ชักชวนให้นำเงินสดหรือทองคำ มาเข้าร่วมในระบบกองทุนส่วนตัวของกลุ่มผู้ต้องหา โดยอ้างว่าในทุก 21 วันจะได้รับเงินตอบแทนกลับคืนคิดเป็นร้อย 9.5 ของเงินลงทุน 5.ชักชวนให้ลงทุนซื้อทองคำจากร้านจำหน่ายทองคำทั่วไป แล้วนำทองคำพร้อมใบเสร็จมาลงทุนตามโปรโมชั่นของบริษัทฯ โดยยอดการลงทุนคำนวณจากราคาทองคำตามที่ระบุในใบเสร็จ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลกำไรตอบแทนร้อยละ 43.5 ของเงินลงทุน โดยจะแบ่งจ่ายกำไรเป็น 2 งวด พร้อมกับแบ่งจ่ายคืนเงินต้นเป็นงวดๆ รวม 10 งวด ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี อีก 2 รายคือ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” ทำหน้าเปรียบเหมือนตัวการใหญ่ หรือ หัวหน้าขบวนการ และ นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสที่กบดานของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศ นอกจากนี้ยังเร่งดำเนินการตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินและทรัพย์สินต่างๆของเครือข่ายดังกล่าว เพื่อตามยึดทรัพย์แล้วนำเข้าสู่กระบวนการชดใช้เยียวยาผู้เสียหาย ขณะที่ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 4 รายที่ถูกจับกุมตัวได้แล้วนั้น
จากการสอบสวน เบื้องต้นทั้งหมดยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับดำเนินการตามขั้นตอนกำหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการเครือข่ายดังกล่าว พบว่า เคยมีข้อพิพาทกับน.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า หลังถูก น.ส.พรรณิการ์ ออกมาเปิดโปงว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกองทัพไอโอ หรือปฏิบัติการข่าวสารของกองทัพ และให้กองทัพใช้เซิร์ฟเวอร์ฟรี จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมเมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา