“บิ๊กป๋อ” พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช ปส. นำทัพหน่วยสยบไพรี ขึ้นเหนือ จู่โจมพื้นที่เป้าหมายยาเสพติด ยึดทรัพย์ “ก๊วนบังลาย” กว่า 100 ล้านบาท









วันนี้ (26 ก.พ.64) พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 , พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ,พ.ต.อ.กฤษฎา ศรีอิสาน ผกก.2 บก.ปส.3 , พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น ผกก.ปพ.ปส. นำตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดปฏิบัติการตามแผนสยบไพรี 64/5 “ปฏิบัติการสยบโพยก๊วนบังลาย” ร่วมกับทหารกองกำลังผาเมือง ตำรวจ ภ.จว.เชียงราย ฝ่ายปกครอง รวมประมาณ 300 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย จำนวน 25 จุด
ซึ่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี ได้เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดเป็นฟิตเนต เพื่อจับนายจิรภาส ลาภวัตสกุล และนางสาวสิรินาฎ ขันเมือง สองสามีภรรยา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด จากการเข้าตรวจค้นตำรวจพบเพียงนายจิรภาส อยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง จึงแสดงหมายจับและหมายค้น
โดยตำรวจให้นายจิรภาส เป็นผู้พาค้นตามห้องต่างๆ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม หลังตำรวจมีข้อมูลว่าสามีภรรยาคู่นี้ มีหน้าที่ทำธุรกรรมทางการเงินให้กับนางสาวชุนเหว่ย แซ่ช่าย ซึ่งเป็นตัวการในการนำเงินจากการค้ายาเสพติดจากฝั่งประเทศไทยข้ามไปให้กับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้วิธีเปิดบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด ขายสินค้าต่างๆ บังหน้า และนำเงินซุกซ่อนไปกับสินค้าเหล่านี้
จากการสอบปากคำนายจิรภาส ให้การยอมรับว่ารู้จักกับนางสาวชุนเหว่ย เนื่องจากเป็นแม่บุญธรรม และยอมรับว่าเป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่นางสาวชุนเหว่ยจริง พร้อมให้ข้อมูลว่านางสาวชุนเหว่ย อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19
การสืบสวนของตำรวจพบว่านางสาวชุนเหว่ย มีพฤติกรรมรับทำธุรกรรมทางการเงิน โดยจะนำเงินสดข้ามไปให้กับเครือข่ายยาเสพติดของนายธวัชชัย อ้อมชมพู หรือ บังลาย ที่หลบหนีไปอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายธวัชชัย นับเป็นพ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยเริ่มผันตัวจากภายในประเทศ ก่อนหนีไปข้ามแดนไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน และสั่งการขนยาเสพติด โดยเฉพาะเฮโรอีน ส่งผ่านประเทศไทยไปยังประเทศที่สาม โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ตำรวจสามารถสกัดจับเฮโรอีนล็อตใหญ่ จำนวนกว่า 400 กิโลกรัม มูลค่าเกือบพันล้านบาท
ขณะเดียวกันตำรวจอีกชุดเข้าค้นบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งเป็นของนางสาวชุนเหว่ย จากการตรวจค้นไม่พบนางสาวชุนเหว่ย พบเพียงลูกจ้างที่ถูกออกหมายจับในข้อหาสมคบคดียาเสพติด ให้การกับตำรวจยอมรับว่า เป็นคนไปกดเงินให้กับนางสาวชุนเหว่ย แต่ปฎิเสธไม่รู้ว่าเป็นเงินจาการค้ายาเสพติด ทำตามคำสั่งของนายจ้างเท่านั้น อีกทั้งยังคิดว่าเป็นเงินจากการขายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนในบัญชีที่เกี่ยวข้องกับนางสาวชุนเหว่ย จำนวน 1 พันล้านต่อปี โดยล่าสุดเมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีการกดเงินสดมากถึง 150 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทไม่สอดคล้องกับเงินจากการขายสินค้าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาว่ามีการขายสินค้าได้เพียง 80 ล้านบาท
ตำรวจเชื่อว่านางสาวชุนเหว่ย ไม่ได้รับทำธุรกรรมทางการเงินให้กับเครือข่ายบังลายเครือข่ายเดียว แต่อาจจะรับทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อนำเงินสดข้ามไปให้กับเครือข่ายยาเสพติดผ่านทางการขนส่งสินค้าของบริษัทตนเองไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับปฎิบัติการทลายเครือข่ายยาเสพติดบังลาย เข้าค้น 27 จุด ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 10 จุด โดยสามารถยึดทรัพย์ 100 ล้านบาท
กัณฑ์อเนก Cop Hero Thailand Magazine : รายงาน
