ตำรวจนครบาล รายงานผลการจับกุมจับกุมกลุ่มผู้ค้าอาวุธปืนสงคราม ผ่านช่องทาง Social Media ผลงาน 191

ตำรวจนครบาล รายงานผลการจับกุมจับกุมกลุ่มผู้ค้าอาวุธปืนสงคราม ผ่านช่องทาง Social Media ผลงาน 191




ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปัญหาการก่อเหตุอาชญากรรม มีผลกระทบต่อความสุขของพี่น้องประชาชน เป็นหนึ่งในปัญหาของชาติที่สำคัญต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง จึงมอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งรัดขับเคลื่อนการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยบูรณาการกำลังทุกฝ่ายพร้อมกับหน่วยงานในทุกกองบัญชาการ
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น.และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ ทำการสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการค้าอาวุธปืนสงคราม และอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย (โดยวิธีซื้อขายออนไลน์ผ่าน แอพพลิเคชั่นกลุ่ม Facebook โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “พอเพียง(รักกันสายบุญ)” มีสมาชิกในกลุ่ม 1,324 คน กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มซื้อขายอาวุธปืนหลายอย่าง เนื่องจากสามารถ �ซื้อ-ขายได้ง่าย รวดเร็ว และยากต่อการติดตาม จึงทำให้แพร่หลายอย่างรวดเร็วในกลุ่มเยาวชนและบุคคลทั่วไป ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นภัยต่อสังคม อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมที่รุนแรง มีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไป) ด้วยเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตาม กวดขัน เพื่อปราบปรามไม่ให้อาวุธสงครามและอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย ถูกส่งต่อซื้อขายกันในกลุ่ม Social Media Facebook
จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแส ผ่านสายด่วน 191 เกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนใช้ Social Media Facebook เป็นช่องทางในการ ซื้อขายอาวุธปืน และกำลังแพร่หลายขยายวงกว้างทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ใช้ แอพพลิเคชั่นกลุ่ม Facebook โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “พอเพียง (รักกันสายบุญ)” เป็นช่องทางในการ ลักลอบซื้อขายอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนอื่นๆ จากการสืบสวนพบว่า จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่มีอาวุธปืนสงครามจะชื้อขายกันบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้ติดตามข้อมูลการข่าวในกลุ่มดังกล่าว จนกระทั่งนำมาสู่การจับกุม นายพิภพฯ อายุ 38 ปี เมื่อ วันที่ 15 กรกฎาคม 2564
พร้อมด้วยของกลาง
อาวุธปืนยาว AK47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. (ไม่มีเลขทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก
อาวุธปืนสั้น ขนาด .38 Super (เลขทะเบียน กท.175629) จำนวน 1 กระบอก
ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด 7.62มม. จำนวน 1 ชุด
ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด .38 Super จำนวน 2 ชุด
กระสุนปืน ขนาด . 38 Super จำนวน 18 นัด
ซองพกอาวุธปืน ชนิดพกซ่อน จำนวน 1 ชุด
รถยนต์ ยี่ห้อ Mercedes Benz รุ่น 190E สีดำ หมายเลขทะเบียน ฉษ 5328 กทม.
โดยกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” ทั้งนี้ได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าในกลุ่ม Facebook ดังกล่าว ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับอาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนผิดกฎหมายอื่นอีก จนกระทั่งวันที่ �21 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมกลุ่มของนายธวัชชัยฯ ซึ่งมี �น.ส.วนิดาฯ และ น.ส.นัทรีญาฯ ในการแบ่งหน้าที่และร่วมกันครอบครองอาวุธปืนสงครามเพื่อเตรียมส่งต่อให้กับบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม Facebook ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมพร้อมของกลางตามรายการดังนี้
อาวุธปืนยาว AK47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. (ไม่มีเลขทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก
ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. จำนวน 1 ชุด
กระสุนปืน ขนาด 7.62 จำนวน 21 นัด
อาวุธปืนสั้น ไทยประดิษฐ์ (ลูกโม่) ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก
กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 2 นัด
กระสุนปืน ขนาด .๔๕ จำนวน ๘ นัด
กระสุนปืน ขนาด ๙ มม. จำนวน ๑ นัด
ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักรวม 2.05 กรัม จึงได้แจ้งข้อหา จึงได้แจ้งข้อหาข้อหา ผู้ถูกจับทั้ง 3 คน ดังนี้ นายธวัชชัยฯ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ,ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) หรือไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย”
นางสาววนิดาฯ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ,ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) หรือไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ,เป็นผู้ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย”
นางสาวนัทริยาฯ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย” จึงได้นำตัว ผู้ถูกจับทั้ง 3 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางคล้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส�โควิด – 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน ๑๙๑ หรือสถานีตำรวจท้องที่
#กองบัญชาการตำรวจนครบาล
#กัณฑ์อเนก Cop Hero Thailand Magazine : รายงาน

